วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ความเรียง "การ์ตูนของเด็กน้อย"




                                     
ความเรียง "การ์ตูนของเด็กน้อย"
ผมจำไม่ได้ว่าครั้งแรกที่ผมอ่านหรือดูการ์ตูนนั้น เป็นเรื่องอะไร เล่มไหน เวลาใด ที่ใด แต่เวลานี้ผมมีการ์ตูนมากกว่าพันเล่มอยู่ในห้อง กองในตู้ เรียงในชั้น ตั้งบนหัวเตียง เป็นเหมือนปัจจัยสำคัญที่มิอาจขาดกันได้ระหว่างผมกับการ์ตูน

         แม่มักจะตั้งคำถามเดิมๆ แกมประโยคคำสั่งปนขอร้องกับผมบ่อยๆ เวลาขึ้นมาเห็นการ์ตูนในห้องว่า “เก็บไว้ทำไม เอาไปขายเถอะ เต็มบ้านหมดแล้ว” ซึ่งผมไม่ตอบอันใด ยอมรับว่าผมไม่ใช่คนทะนุถนอมการ์ตูน ชนิดว่ารักษาอย่างดี ห่อปกให้ ไม่มีรอยขาด หรือไม่ให้ต้องมือใคร อย่างดีที่สุดที่ผมทำคือ อ่าน(พวก)มัน และเมื่ออ่านเสร็จแล้ว จะพักไว้ในถุงหรือในตู้ รออีกสัก 2 – 3 ปี จึงปัดฝุ่นหยิบมาอ่านใหม่ แม้จะเป็นครั้งที่เก้า,สิบ,หรือเท่าใด เรื่องราวในนั้นก็ยังดูสนุก แปลกใหม่ น่าตื่นเต้น เช่นที่ผ่านๆ มา นี่ล่ะที่น่าอัศจรรย์

         คืนไหนที่ไม่ได้อ่านการ์ตูน คืนนั้นผมมักจะหลับไม่ค่อยเป็นสุข ในกระเป๋าทำงานของผมที่อัดแน่นด้วยวัตถุทางธุรกิจ จึงมักจะหอบหิ้วเคลื่อนย้ายโดยมีการ์ตูนอย่างน้อย 1 เล่ม ออกเดินทางด้วยเสมอ และเมื่อต้องคอยอะไรนานๆ เป็นต้นว่าคอยรถประจำทาง คอยงาน คอยคนรัก การ์ตูนนั้นก็จะเป็นเช่นเพื่อนสนิท ที่ไม่ต้องคุยกันมากความ แต่พร้อมจะเคียงข้าง เดินทางไปด้วยกัน ให้ความสุข เติมเสียงหัวเราะ บ้างก็ปลอบโยน เป็นอารมณ์หลายอย่างคละเคล้ากัน นานจนสุดปลายทาง ก่อนที่มันจะกลับไปอยู่ในกระเป๋าอีกครั้ง ไม่เคยเรียกร้องอันใด
   
         ตอนนี้ผมเป็นผู้ใหญ่อายุ 27 ปีแล้ว แต่เวลาอ่านการ์ตูน ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็ก เป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่เผลอหัวเราะเวลาเจอมุกเด็ดๆ เป็นเด็กที่ชอบเสียน้ำตาเวลาเศร้าเกินกลืน และเป็นเด็กที่บางครั้งมีท่าทีอายๆ เวลาเห็นภาพวาบหวิวสอดแทรกระหว่างเรื่อง

         จริงอยู่ การ์ตูนเป็นของมีราคา การได้มาต้องแลกด้วยเงิน ซึ่งว่าไปแล้ว ก็ไม่ใช่มูลค่าน้อยๆ เป็นค่าแรงค่าเหนื่อยที่พ่อแม่ของเด็กน้อยต้องหามาหลายชั่วโมง และนั่นอาจเป็นคำตอบหนึ่งที่แม่ของเด็กน้อยมักจะเคือง เวลาเห็นเด็กน้อยถือการ์ตูนอย่างเริงร่าตรงเข้าบ้าน และจริงอยู่ การ์ตูนนั้นเป็นของมีภาพ และภาพเหล่านั้น พ่อแม่ของเด็กน้อยไม่เคยตรวจตรา เป็นไปได้ว่าเด็กน้อยอาจจะเสียคน เป็นต้นว่าอาจจะปล่อยพลังคลื่นเต่าได้ในวันใด อาจหลุดไปอยู่ในโลกต่างมิติ แล้วต้องสวมชุดถือปืนไปไล่ยิงศัตรู หรืออาจหลุดไปอยู่ในอพาร์ตเมนท์ที่ห้อมล้อมด้วยบรรดาสาวๆ ฯลฯ

         แต่สุดท้าย พ่อแม่ของเด็กน้อยก็เห็นว่า ตลอดจนโตมีอายุ 27 ปี เด็กน้อยก็ทำเพียงแค่อ่าน ยิ้ม มีความสุข และหยิบเล่มอื่นๆ มาอ่านต่อ ก็เท่านั้นเอง

         มีผู้ใหญ่หลายคนไม่เคยเห็นเหมือนที่พ่อแม่ของเด็กน้อยเห็น ไม่เคยถามเด็กน้อยหรือเด็กคนอื่นๆ ด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปถามใคร และไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปเห็นอะไร แต่เขาสามารถสรุปจากเอกสารไม่กี่แผ่นหรือรายการไม่กี่รายการได้ว่า “การ์ตูนนั้นน่ากลัว มีระดับความน่ากลัว ควรแก่การสั่งห้ามซื้อ,ห้ามจำหน่าย,ห้ามอ่าน,ห้ามอย่างยิ่ง” เขายังยกตัวอย่างอีกด้วย เป็นต้นว่าการ์ตูนนั้น เป็นต้นเหตุของการข่มขืน เรียงคิว ปล้นจี้ ชิงทรัพย์ ติดยา ฯลฯ รวมๆ คือ เป็นต้นเหตุของความเสื่อมโทรมในเยาวชน เป็นตัวทำลายสังคม เป็นหายนะของชาติ เด็กน้อยถึงกับงง ได้ยินครั้งใดก็มักจะคอยสำรวจตัวเองว่าเป็นตามนั้นหรือไม่

         หรือจริงๆ แล้ว เพื่อนรักในกระเป๋าของเด็กน้อย เป็นตัวอันตรายจริงๆ

         อย่างนั้นแล้ว วันนี้เด็กน้อยคนนี้ก็ต้องเสียคนแล้วสิ...


สดุดีครูกลอนสุนทรภู่

สดุดีครูกลอนสุนทรภู่
ทั่วโลกรู้จอมกวีศรีสยาม
"สุนทรภู่" เลื่องลือระบือนาม
ขอก้าวตามเพราะใจจดเชิงบทกลอน

หลายหลากเรื่องท่านประดิษฐ์ลิขิตเขียน
เป็นแบบเรียนเราคงรู้ครูเคยสอน
พระอภัยมณีมีหลายตอน
ท่านสุนทร ฯ แต่งไพเราะเสนาะคำ

ทั้งนิราศมากมายมีหลายเรื่อง
ต่างฟุ้งเฟื่องถ้อยสำนวนล้วนคมขำ
นิราศภูเขาทองต้องจดจำ
แสนระกำเพราะสุราพาเมามัว

เคยรุ่งเรืองปรากฏมียศศักดิ์
เพราะใจภักดิ์เหนือเกล้าเจ้าอยู่หัว
เคยตกทุกข์ได้ยากลำบากตัว
สิ้นครอบครัวอนาถทาสสุรา

ต้องออกบวชเป็นพระละความหมอง
ตามครรลองรอยพระบาทศาสนา
โอ้ชีวิตเคยสูงสุดดุจนภา
กลับต้องมาชอกช้ำระกำกาย

ยี่สิบหกมิถุนาฯ เวียนมาถึง
ยังซาบซึ้งติดเตือนไม่เลือนหาย
โลกจารึกความสำคัญตราบวันตาย
ไม่เสื่อมคลาย บูชาท่าน นิรันดร